คริสจักรแห่งความจริงที่พระคริสต์ครั้งที่ 2 พระอันซังโฮงทรงสถาปนาตามคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์

คริสตจักรที่พระเจ้าทรงสร้างเพื่อความรอดของมนุษยชาตินั้น มีเพียงคริสตจักรเดียว
พระคัมภีร์เรียกคริสตจักรที่พระเจ้าทรงสร้างว่า “คริสตจักรที่พระองค์ทรงได้มาด้วยพระโลหิตของพระองค์เอง”(กจ. 20:28) และคริสตจักรนั้นมีชื่อว่า “คริสตจักรของพระเจ้า”(1 คร. 1:1-2, กท. 1:13, 1 คร. 11:23)

พระคัมภีร์เป็นพยานว่า พระโลหิตแห่งความเสียสละของพระเจ้าคือ เครื่องบูชาของเทศกาลปัสกา(อพย. 34:25) พระเยซูจึงทรงเสียสละพระองค์เองบนไม้กางเขนโดยเป็นตัวจริงของลูกแกะปัสกา และเปิดหนทางแห่งความรอดให้แก่มนุษยชาติ ด้วยเหตุนี้ พระเจ้าทรงตั้งเทศกาลปัสกาเป็นพันธสัญญาใหม่ และตรัสว่าเหล้าองุ่นในเทศกาลปัสกาคือ “โลหิตของเรา” ซึ่ง​ต้อง​หลั่ง​ออก​เพื่อ​ยก​บาป​โทษ​คน​เป็น​อัน​มาก​(มธ. 26:17-28, ลก. 22:7-20)

ไม่ว่าจะเป็นสมัยพันธสัญญาเดิมหรือสมัยพันธสัญญาใหม่ เทศกาลปัสกาเป็นสัจธรรมที่มีพระโลหิตของพระเจ้า ดังนั้น “คริสตจักรที่พระองค์ทรงได้มาด้วยพระโลหิตของพระองค์เอง”ต้องปฏิบัติตามสัจธรรมแห่งเทศกาลปัสกา และเพียงพระเจ้าเท่านั้น สามารถสร้างคริสตจักรแห่งความจริงได้

ในสมัยปัจจุบัน คริสตจักรที่ปฏิบัติตามเทศกาลปัสกาแห่งคำสัญญาใหม่ตามพระคัมภีร์นั้น มีเพียงคริสตจักรของพระเจ้าแห่งเดียวเท่านั้น นั่นก็เพราะว่าคริสตจักรของพระเจ้าเป็นคริสตจักรที่ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้าตามคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์
พระเยซูครั้งที่ 2 พระคริสต์ พระอันซังโฮงผู้ทรงเสด็จมาสู่โลกนี้ตามคำพยากรณ์นั้น ทรงรื้อฟื้นสัจธรรมแห่งเทศกาลปัสกาที่หายไปให้เราอีกครั้ง และทรงสร้างคริสตจักรแห่งความจริง

ประวัติศาสตร์

ช่วงเวลารุ่งอรุณ

1948~1985

ปี ค.ศ. 1948
พระอันซังโฮงรับบัพติศมา(นักซอม, เมืองอินชอน)
ปี ค.ศ. 1964
ได้ก่อตั้งคริสตจักรของพระเจ้า
ปี ค.ศ. 1985
พระอันซังโฮงกลับสู่สวรรค์

ช่วงเวลาเติบโต

1986~2000

ปี ค.ศ. 1988
มีธรรมิกชน 10,000 คน
ปี ค.ศ. 1995
เปิดสถาบันฝึกอบรมเจินนีซาน
ปี ค.ศ. 1997
ได้ก่อตั้งคริสตจักรใน 3 ประเทศ
ปี ค.ศ. 2000
มีธรรมิกชน 300,000 คน
ได้ก่อตั้งพระวิหารเยรูซาเล็มใหม่(บุนดัง)
ได้ก่อตั้งวงออร์เคสตร้า เมสสิยาห์

ช่วงเวลาก้าวไปสู่ทั่วโลก

2001~2013

ปี ค.ศ. 2001
ได้ก่อตั้งคริสตจักรใน 7 ประเทศ
คณะผู้มาเยือนจากต่างประเทศครั้งที่ 1 (สหรัฐอเมริกา)
ปี ค.ศ. 2002
ได้ก่อตั้งสถาบันฝึกอบรมเอลโลฮิม
ปี ค.ศ. 2003
มีธรรมิกชน 500,000 คน
ได้ก่อตั้งอาคาร WMC สมัชชาใหญ่ของคริสตจักรของพระเจ้า
ได้รับรางวัลจากประธานาธิบดีแห่งเกาหลีใต้
ปี ค.ศ. 2004
ได้รับรางวัลจากประเทศเกาหลีใต้
ได้รับเหรียญตราจากประเทศเกาหลีใต้
ปี ค.ศ. 2005
เปิดสถาบันฝึกอบรมโอกเชิน โกแอนด์คัม
ปี ค.ศ. 2006
เปิดพิพิธภัณฑ์คริสตจักรของพระเจ้า
ปี ค.ศ. 2008
มีธรรมิกชน 1,000,000 คน
ปี ค.ศ. 2009
พิธีเปิด World Campus Mission
ปี ค.ศ. 2011
เปิดสถาบันฝึกอบรมดงแบค
ได้รับรางวัลด้านการบริการจากสหรัฐอเมริกา(ระดับเหรียญทอง, รางวัลไลฟ์ไทม์)
ปี ค.ศ. 2013
มีธรรมิกชน 2,000,000 คน
คริสตจักรของพระเจ้า สมาคมเผยแพร่ข่าวประเสริฐทั่วโลก ตั้งเป็นมูลนิธิ
เปิดงานสัมมนาพระคัมภีร์ไบเบิลระหว่างประเทศ

ช่วงเวลาเจริญรุ่งเรือง

2014~

ปี ค.ศ. 2014
ในปีที่สถาปนาคริสตจักรครบ 50ปี, ประกาศ “ปีบริสุทธิ์”
ได้รับรางวัลด้านการบริการอาสาสมัครจากประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา(ระดับเหรียญทอง)
ปี ค.ศ. 2015
ได้รับรางวัลองค์การดีเด่นจากประธานาธิบดีแห่งเกาหลีใต้
ได้รับรางวัลด้านการบริการอาสาสมัครจากประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา(ระดับเหรียญทอง 3 ครั้ง)
ปี ค.ศ. 2016
ประกาศภารกิจแห่งการช่วยมนุษยชาติ 7 พันล้านคนให้รอด
การชุมนุมปฏิญาณตนในการประกาศข่าวประเสริฐทั่วโลก
ได้รับรางวัลอาสาสมัครบริการจากสมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ
กองทุนเพื่อตอบสนองกับสถานการณ์ภัยพิบัติฉุกเฉินของสหประชาชาติ(CERF), ศิษยาภิบาล คิม จู ชอล ผู้อำนวยการสมัชชาใหญ่แห่งคริสตจักรของพระเจ้าแถลงการณ์
ได้ก่อตั้งพระวิหารเยรูซาเล็มใหม่(พันกิโย)
เปิดสถานฝึกอบรมWMCเจจู
คณะผู้มาเยือนจากต่างประเทศครั้งที่ 71 ได้เยือนเกาหลี
ปี ค.ศ. 2017
มีคริสตจักรจำนวนมากกว่า 7,000 แห่ง ใน 175 ประเทศ, จำนวนสมาชิกลงทะเบียน 2.8 ล้านคน

ประวัติศาสตร์ของการช่วยให้รอด และคริสตจักรของพระเจ้า

พระคัมภีร์ได้เริ่มต้นด้วยการเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดินและจบลงด้วยการสร้างท้องฟ้าใหม่และแผ่นดินโลกใหม่คริสตจักรของพระเจ้าอยู่ระหว่างภารกิจแห่งการช่วยให้รอดนี้

การ​เนรมิต​สร้าง​โลก​

พระเจ้าพระบิดา และพระเจ้าพระมารดา ทรงสร้างโลกด้วยกัน

ตั้งแต่เริ่มต้นของพระคัมภีร์ที่ว่า “ใน​ปฐมกาล ​พระ​เจ้า​ทรง​เนรมิต​สร้าง​ฟ้า​และ​แผ่นดิน”(ปฐม. 1:1) เมื่อกล่าวถึง “พระเจ้า” พระคัมภีร์ภาษาฮีบรูใช้คำว่า “เอลโลฮิม” ซึ่งเป็นคำพหูพจน์กว่า 2,500 ครั้ง นั่นหมายถึงพระเจ้าที่ทรงสร้างฟ้าและแผ่นดินนั้น ไม่ใช่มีเพียงพระองค์เดียว แต่เป็น “พวกพระเจ้า”

เมื่อพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ก็ทรงตรัสว่า “ให้​เรา​สร้าง​มนุษย์​ตาม​ฉายา​ตาม​อย่าง​ของ​เรา ” และ “​ทรง​สร้าง​มนุษย์​ขึ้น​ตาม​พระ​ฉายา​ของ​พระ​องค์ … ​ให้​เป็น​ชาย​และ​หญิง” (ปฐม. 1:26-27)

เพราะเหตุใด พระเจ้าทรงตรัสว่า “เรา” ไม่ใช่ “ข้าพเจ้า”? ก็เพราะพระคัมภีร์เป็นพยานไว้แล้วว่า เช่นเดียวกับมีพระเจ้าที่เป็นฉายาของเพศชาย คือพระบิดา พระเจ้าที่เป็นฉายาของเพศหญิง พระมารดา ก็ดำรงอยู่เหมือนกัน ในพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่จึงเป็นพยานถึงพระบิดาและพระมารดาฝ่ายจิตวิญญาณ โดยบันทึกว่า “ข้า​แต่​พระ​บิดา​แห่ง​ข้า​พระ​องค์​ทั้ง​หลาย ผู้​ทรง​สถิต​ใน​สวรรค์”(มธ. 6:9) และ “แต่​ว่า​เยรูซาเล็ม​ซึ่ง​อยู่​เบื้อง​บน​นั้น เป็น​ไท​เป็น​มารดา​ของ​เรา​ทั้ง​หลาย”(กท. 4:26)

พระเจ้าพระบิดา และพระเจ้าพระมารดา ผู้ทรงดำรงอยู่ด้วยกันตั้งแต่ปฐมกาลทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งปวงในแผ่นดินโลก

แล้ว​พระ​เจ้า​ตรัส​ว่า “ให้​เรา​​​สร้าง​มนุษย์​ตาม​ฉายา​ตาม​อย่าง​ของเรา ให้​ครอบ​ครอง​ฝูง​ปลา​ใน​ทะเล ฝูง​นก​ใน​อากาศ​และ​ฝูง​สัตว์ ให้​ปกครอง​แผ่นดิน​ทั่วไป และ​สัตว์​ต่างๆ ที่​เลื้อย​คลาน​บน​แผ่นดิน” พระ​เจ้า​จึง​ทรง​สร้าง​มนุษย์​ขึ้นตาม​พระ​ฉายา​ของ​พระ​องค์ ตาม​พระ​ฉายา​ของ​พระ​เจ้า​นั้น ​พระ​องค์​ทรง​สร้าง​มนุษย์​ขึ้น และ​ได้​ทรง​สร้าง​ให้​เป็นชาย​และหญิง

ปฐม. 1:26-27

ท่าน​ทั้ง​หลาย จง​อธิษฐาน​ตาม​อย่าง​นี้​ว่า ข้า​แต่​พระ​บิดา​แห่ง​ข้า​พระ​องค์​ทั้ง​หลาย ผู้​ทรง​สถิต​ใน​สวรรค์ขอ​ให้​พระ​นาม​ของ​พระ​องค์​เป็น​ที่​เคารพ​สักการะ

มธ. 6:9

แต่​ว่า​เยรูซาเล็ม​ซึ่ง​อยู่​เบื้อง​บน​นั้น เป็น​ไท​เป็น​มารดา​ของ​เรา​ทั้ง​หลาย

กท. 4:26

ฤทธานุภาพของเทศกาลปัสกา

เทศกาลปัสกา : เทศกาลผ่านเว้นภัยพิบัติ

โดยผ่านเทศกาลปัสกา พระเจ้าทรงปลดปล่อยชนชาติอิสราเอลที่ทุกข์ทรมานในการเป็นทาสของอิยีปต์ในระหว่าง 430 ปี

เทศกาลปัสกา(Passover)มีความหมายว่า “ผ่านเว้นภัยพิบัติ” ปฏิบัติในวันที่ 14 เดือนที่ 1 ตอนเย็น ปฏิทินอันศักดิ์สิทธิ์(ปฏิทินชาวยิว, ตรงกับเดือนมีนาคม-เมษายน) เมื่อภัย​พิบัติ​สุดท้ายมรณกรรม​ของ​ลูก​หัวปีมาถึง ชนชาติอิสราเอล​ปฏิบัติตามเทศกาลปัสกาด้วยเอา​เลือด​ของลูกแกะปัสกาทา​ที่​ไม้​วง​กบ​ประตู​ทั้ง​สอง​ข้างและ​ไม้​ข้างบนตามพระวจนะของพระเจ้า

พระเจ้าทรงตรัสว่า “เมื่อ​เรา​เห็น​เลือด​นั้น เรา​จะ​ผ่าน​เว้น​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ไป จะ​ไม่​มี​ภัย​พิบัติ​บังเกิด​แก่​เจ้า ขณะที่​เรา​ประหาร​ชาว​อียิปต์”(อพย. 12:13) และบัญชาไว้ว่า “วันนี้(เทศกาลปัสกา)​จะ​เป็น​วันที่​ระลึก​สำหรับ​เจ้า ให้​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ถือ​ไว้​เป็น​เทศกาล​แด่​พระ​เจ้า​ชั่ว​ชาติ​พันธุ์​ของ​เจ้า เจ้า​จง​ฉลอง​เทศกาล​นี้​และ​ถือ​เป็น​กฎ​ถาวร”(อพย. 12:14)

ในที่สุดชนชาติอิสราเอลได้รับพระพรนั่นคือรอดพ้นจากภัยพิบัติทั้งปวงและถูกปลดปล่อยจากอิยีปต์ เมื่ออิสราเอลแบ่งออกเป็นยูดาห์ใต้กับอิสราเอลเหนือ อิสราเอลเหนือที่ไม่ได้ปฏิบัติเทศกาลปัสกาถูกทำลาย (2 พกษ. 18:10~12) แต่อย่างไรก็ดี ยูดาห์ใต้ที่ปฏิบัติเทศกาลปัสกาด้วยเชื่อในพระสัญญาของพระเจ้านั้น ได้รับการปกป้องจากการโจมตีของอัสซีเรีย (2 พกษ. 19:30~35, 2 พสด. 30:1~12)

ไม่ว่าจะเป็นสมัยใด ชีวิตของผู้ที่ปฏิบัติตามเทศกาลปัสกาได้รับการปกป้องจากภัยพิบัติต่างๆ ด้วยพระสัญญาและฤทธานุภาพของพระเจ้า

แต่​เลือด​ที่​บ้าน​ที่​เจ้า​ทั้ง​หลาย​อยู่​นั้น จะ​เป็น​หมาย​สำคัญ​สำหรับ​เจ้า เมื่อ​เรา​เห็น​เลือด​นั้น เรา​จะ​ผ่าน​เว้น​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ไป จะ​ไม่​มี​ภัย​พิบัติ​บังเกิด​แก่​เจ้า ขณะที่​เรา​ประหาร​ชาว​อียิปต์

อพย. 12:13

วันนี้(เทศกาลปัสกา)​จะ​เป็น​วันที่​ระลึก​สำหรับ​เจ้า ให้​เจ้า​ทั้ง​หลาย​ถือ​ไว้​เป็น​เทศกาล​แด่​พระ​เจ้า​ชั่ว​ชาติ​พันธุ์​ของ​เจ้า เจ้า​จง​ฉลอง​เทศกาล​นี้​และ​ถือ​เป็น​กฎ​ถาวร

อพย. 12:14

พระเจ้าที่ทรงเสด็จมาเป็นมนุษย์

พระเยซูคริสต์ได้ประกาศพันธสัญญาใหม่

“​พระ​เจ้า​ตรัส​ว่า ดู​เถิด วัน​เวลา​จะ​มาถึง ซึ่ง​เรา​จะ​ทำ​พันธสัญญา​ใหม่กับ​ประชา​อิสราเอล​และ​ประชา​ยูดาห์ … เรา​จะ​เป็น​พระ​เจ้า​ของ​เขา และ​เขา​จะ​เป็น​ประชากร​ของ​เรา

ยรม.31:31-33

พระเจ้าทรงสัญญาว่าเมื่อถึงเวลาพระองค์จะทำพันธสัญญาใหม่ ตามพระสัญญานั้น พระเจ้าทรงเสด็จมาสู่โลกนี้ โดยใช้พระนามว่าเยซูและสถาปนาพันธสัญญาใหม่โดยผ่านเทศกาลปัสกา วันที่ 14 เดือนที่ 1 ตอนเย็น ปฏิทินอันศักดิ์สิทธิ์นั้นคือ 1 วันก่อนที่พระเยซูจะทรงเสียสละบนไม้กางเขน พระองค์ทรงสัญญาการอภัยโทษบาปและชีวิตนิรันดร์โดยขนมปังและเหล้าองุ่นในเทศกาลปัสกาซึ่งเป็นพระกายและพระโลหิตของพระองค์ เพื่อให้ความรอดแก่มนุษยชาติที่ติดอยู่กับโซ่แห่งความบาปและความตาย พระเจ้าทรงเรียกคำสัญญานี้ว่า “คำ​สัญญา​ใหม่ โดย​โลหิต​ของ​เรา” (มธ. 26:17-28, ลก. 22:7-20, ยน. 6:53-54)

กาล​กำหนด​ของ​เรา​มา​ใกล้​แล้ว เรา​จะ​ถือปัสกาที่​บ้าน​ของ​ท่าน​พร้อม​กับ​พวก​สาวก​ของ​เรา ฝ่าย​สาวก​เหล่า​นั้น​ก็​กระทำ​ตาม​รับสั่ง แล้ว​ได้​จัดเตรียมปัสกา​ไว้​พร้อม … ระหว่าง​อาหาร​มื้อ​นั้น ​พระ​เยซู​ทรง​หยิบ​ขนม​ปัง​มา และ​เมื่อ​ถวาย​สาธุการ​แล้ว ทรง​หัก​ส่ง​ให้แก่​เหล่า​สาวก​ตรัส​ว่า “จง​รับ​กิน​เถิด นี่​เป็นกาย​ของ​เรา” แล้ว​พระ​องค์​จึง​ทรง​หยิบ​ถ้วย​โมทนา​พระ​คุณ​และ​ส่ง​ให้​เขา ตรัส​ว่า “จง​รับ​ไป​ดื่ม​ทุก​คน​เถิด​ ด้วย​ว่า​นี่​เป็นโลหิตของ​เรา อัน​เป็น​โลหิต​แห่ง​พันธสัญญา ซึ่ง​ต้อง​หลั่ง​ออก​เพื่อ​ยก​บาป​โทษ​คน​เป็น​อัน​มาก

มธ. 26:17-28

พอ​ถึง​วัน​กิน​ขนม​ปัง​ไร้​เชื้อ เมื่อ​เขา​ต้อง​ฆ่า​ลูก​แกะ​สำหรับปัสกา พระ​องค์​จึง​ทรง​ใช้​เปโตร​และ​ยอห์น​ไป สั่ง​เขา​ว่า “จง​ไป​จัดเตรียมปัสกา​ให้​เรา​ทั้ง​หลาย​กิน” … ​พระ​องค์​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “เรา​มี​ความ​ปรารถนา​อย่าง​ยิ่ง​ที่​จะ​กินปัสกา​นี้​กับ​พวก​ท่าน​ก่อน​เรา​จะต้อง​ทน​ทุกข์​ทรมาน​ … ​พระ​องค์​ทรง​หยิบ​ขนม​ปัง โมทนา​พระ​คุณ แล้ว​หัก​ส่ง​ให้แก่​เขา​ทั้ง​หลาย ตรัส​ว่า “นี่​เป็น​กาย​ของ​เราซึ่ง​ได้​ให้​สำหรับ​ท่าน​ทั้ง​หลาย จง​กระทำ​อย่าง​นี้​ให้​เป็น​ที่​ระลึก​ถึง​เรา” เมื่อ​รับประทาน​แล้ว จึง​ทรง​หยิบ​ถ้วย​กระทำ​เหมือน​กัน​ตรัส​ว่า “ถ้วย​นี้​ซึ่ง​เท​ออก​เพื่อ​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เป็น​คำ​สัญญา​ใหม่ โดย​โลหิต​ของ​เรา

ลก. 22:7-20

พระ​เยซู​จึง​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “เรา​บอก​ความ​จริง​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​ว่า ถ้า​ท่าน​ไม่​กิน​เนื้อ​และ​ไม่​ดื่ม​โลหิต​ของ​บุตร​มนุษย์ ท่าน​ก็​ไม่​มี​ชีวิต​ใน​ตัว​ท่าน ผู้​ที่​กิน​เนื้อ​และ​ดื่ม​โลหิต​ของ​เรา ​ก็​มี​ชีวิต​นิรันดร์ และ​เรา​จะ​ให้​ผู้​นั้น​ฟื้น​ขึ้น​มา​ใน​วัน​สุดท้าย”

ยน. 6:53-54

พระองค์ทรงเปิดหนทางแห่งชีวิตนิรันดร์และความรอดให้แก่มนุษย์ทั้งหลายที่เป็นทาสของความบาป โดยผ่านการทนทุกข์ทรมานที่เราไม่สามารถจินตนาการได้และสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน กล่าวคือ เมื่อปัฏิบัติตามเทศกาลปัสกาแห่งคำสัญญาใหม่ มนุษยชาติที่ต้องตายนั้นสามารถก้าวไปสู่สวรรค์ที่นิรันดร์ได้

“อาหารเย็นมื้อสุดท้าย”ของ เลโอนาร์โด ดา วินชี แสดงถึงวันที่พระเยซูคริสต์ปฏิบัติตามเทศกาลปัสกาพร้อมกับสาวก 12 คน เช่น เปโตรและยอห์น สัจธรรมที่มีคุณค่าเช่นนี้ หลังจากที่พระเยซูกลับขึ้นสู่สวรรค์ก็ยังถูกปฏิบัติตามมาจนถึงสมัยอัครทูต โดยอัครทูตหลายคน

จง​ชำระ​เชื้อ​เก่า​เสีย เพื่อ​ท่าน​จะ​ได้​เป็น​แป้ง​ดิบ​ก้อน​ใหม่ เหมือน​ขนม​ปัง​ไร้​เชื้อ เพราะ​พระ​คริสต์​ผู้​ทรง​เป็นปัสกา​ของ​เราได้​ถูก​ฆ่า​บูชา​เสีย​แล้ว เหตุ​ฉะนั้น​ให้​เรา​ถือปัสกา​นั้น

1 คร. 5:7

คริสตจักรยุคแรกได้ปฏิบัติตามทั้ง 7 เทศกาลใน 3 กลุ่มวาระ ตามแบบอย่างของพระเยซู ได้แก่ เทศกาลปัสกา, เทศกาลขนมปังไร้เชื้อ, เทศกาลเลี้ยงฉลองผลต้น, เทศกาลเจ็ดสัปดาห์, เทศกาลเสียงแตร, เทศกาลวันแห่งการลบมลทินครั้งใหญ่, เทศกาลอยู่เพิง
พระเจ้าทรงสัญญาพระพรไว้ในแต่ละเทศกาล เช่น ชีวิตนิรันดร์ การไถ่บาป การฟื้นคืนชีพ พระวิญญาณบริสุทธิ์ เป็นต้น

ช่วงศาสนายุคมืด

เทศกาลและพระบัญญัติของพระเจ้าถูกเปลี่ยนไป

หลังจากที่อัครทูตและธรรมิกชนในคริสตจักรยุคแรกเสียชีวิต คริสตจักรเริ่มเสื่อมทรามไปและในที่สุดเทศกาลปัสกาแห่งคำสัญญาใหม่ก็ได้หายไป

ในปี ค.ศ. 325 เทศกาลปัสกาถูกยกเลิกโดยการสังคายนาไนเซีย และไม่ปฏิบัติตาม 7 เทศกาลใน 3 กลุ่มวาระตามพระคัมภีร์ ยิ่งกว่านั้นอีก เทศกาลประจำสัปดาห์ วันสะบาโตก็ถูกเปลี่ยนไปเป็นวันอาทิตย์แทนวันเสาร์

ผ่านช่วงเวลาศาสนายุคมืดและสมัยปฏิรูปศาสนาในระหว่าง 1,600 ปี มนุษยชาติหลงลืมหนทางไปสู่ชีวิตนิรันดร์ และไม่มีใครนำกลับคืนมาได้เลย

เพราะชีวิตนิรันดร์นั้น มาจากพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น(1 ทธ. 6:16) และพระเจ้าเท่านั้นสามารถรื้อฟื้นสัจธรรมแห่งชีวิตก็คือ เทศกาลปัสกาแห่งคำสัญญาใหม่ได้เช่นกัน

พระคริสตร์ครั้งที่ 2 พระอันซังโฮง

ทรงรื้อฟื้นพันธสัญญาใหม่ตามคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์

พระ​คริสต์​ก็​ฉัน​นั้น คือ​พระ​องค์​ทรง​ถวาย​พระ​องค์​เอง​เป็น​เครื่องบูชา​ครั้ง​เดียว เพื่อ​จะ​ได้​ทรง​แบก​บาป​ของ​คน​เป็น​อัน​มาก​ไว้ ​พระ​องค์​จะ​ทรง​ปรากฏ​เป็น​ครั้ง​ที่​สอง มิใช่​เพื่อ​กำจัด​บาป แต่​เพื่อ​ช่วย​บรรดา​ผู้​ที่​รอ​คอย​พระ​องค์​ด้วย​ใจ​จด​จ่อ​ให้​ได้รับ​ความ​รอด

ฮบ. 9:28

พระเจ้าทรงเสด็จมาสู่โลกนี้ด้วยสภาพของมนุษย์เป็นครั้งที่ 2 ตามคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์ เพื่อช่วยมนุษยชาติให้ได้รับความรอด

พระเยซูครั้งที่ 2 พระคริสต์ พระอันซังโฮงทรงเดินบนหนทางแห่งความเสียสละเพื่อความรอดของพวกเราด้วยความถ่อมพระทัยและการปรนนิบัติ เช่นเดียวกับพระเยซูครั้งแรก และพระองค์ทรงเปิดหนทางแห่งชีวิตนิรันดร์ซึ่งทุกคนปรารถนาอย่างยิ่ง ด้วยการรื้อฟื้นเทศกาลปัสกาที่ไม่มีใครเข้าใจได้

พระองค์ทรงสถาปนาศิโยนที่รักษาเทศกาลของพระเจ้าอย่างสมบูรณ์(อสย. 33:20-)ตามพระวจนะที่ว่า “​องค์​ผู้​สูงสุด​นั่น​แหละ​จะ​สถาปนา​เมือง​นั้น​(ศิโยน)ไว้”(สดด. 87:5)

ที่นั่นคือ คริสตจักรของพระเจ้า สถานที่ที่ปฏิบัติตามเทศกาลปัสกาและทุกคำสั่งสอนในพระคัมภีร์ตามแบบอย่างของคริสตจักรยุคแรก

คริสตจักรของพระเจ้าที่อยู่ในเกาหลีและ 175 ประเทศทั่วโลกปฏิบัติตามเทศกาลปัสกาพร้อมกันทุกปี ในวันนั้นจะมีพิธีล้างเท้า(ยน. 13:1-15)และพิธีมหา​สนิทกินขนมปังกับเหล้าองุ่นที่​โมทนา​พระ​คุณ

คริสตจักรของพระเจ้าประกาศสัจธรรมแห่งชีวิตไปสู่ทั่วโลก ด้วยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า มนุษยชาติ 7 พันล้านทุกคนได้กลายเป็นบุตรของพระเจ้าและได้รับการปกป้องจากภัยพิบัติต่างๆ โดยผ่านการถือรักษาเทศกาลปัสกา

แหล่งกำเนิดของน้ำแห่งชีวิต พระเจ้าพระมารดา

หากมนุษยชาติปรารถนาที่จะได้รับความรอดต้องพบพระเจ้าพระมารดา

ในหน้าสุดท้ายของพระคัมภีร์มีคำพยากรณ์ที่ว่า พระวิญญาณและเจ้าสาวซึ่งก็คือ พระเจ้าพระบิดาและพระเจ้าพระมารดาจะนำมนุษยชาติไปสู่ความรอด

พระ​วิญญาณ​และ​เจ้าสาว​ตรัส​ว่า “เชิญ​มา​เถิด” และ​ให้​ผู้​ที่​ได้​ยิน​คำ​กล่าว​ว่า “เชิญ​มา​เถิด” และ​ให้​ผู้​ที่​กระหาย​เข้า​มา ผู้ใด​มี​ใจ​ปรารถนา ​ก็​ให้​ผู้​นั้น​มา​รับ​น้ำ​แห่ง​ชีวิต โดย​ไม่​ต้อง​เสีย​อะไร​เลย

วว. 22:17

ข้อพระคัมภีร์นี้หมายถึง พระผู้ทรงสร้าง พระเจ้าพระบิดาและ พระเจ้าพระมารดาทรงเสด็จมาสู่โลกนี้ด้วยพระองค์เองโดยสภาพมนุษย์ และจะทรงประทานน้ำแห่งชีวิต ชีวิตนิรันดร์ และความสุขให้มนุษยชาติเป็นของขวัญ ตามพระวจนะที่ว่า “แต่​ว่า​เยรูซาเล็ม​ซึ่ง​อยู่​เบื้อง​บน​นั้น เป็น​ไท​เป็น​มารดา​ของ​เรา​ทั้ง​หลาย​”(กท. 4:26) พระเจ้าพระมารดา ผู้ซึ่งเป็นมเหสี​ของ​พระ​เมษโปดก(วว. 19:7) และ​เยรูซาเล็มแห่งสวรรค์(วว. 21:9)กำลังนำบุตรของพระเจ้าไปสู่ความรอดด้วยคำสั่งสอนแห่งความรักและเสียสละอยู่ สิ่งมีชีวิตทั้งหมด เช่น สัตว์ นก ปลา รวมทั้งมนุษย์ต่างก็ได้รับชีวิตมาจากผู้เป็นแม่ ในทำนองเดียวกัน เราจะสามารถได้รับชีวิตนิรันดร์ได้โดยผ่านพระมารดาฝ่ายจิตวิญญาณ นี่คือแผนงานแห่งการช่วยให้รอดของพระเจ้า

ในระบบครอบครัวแผ่นดินโลกที่ประกอบไปด้วยพ่อ แม่ ลูกนั้นเป็นเงาที่แสดงให้เราทราบถึงครอบครัวอาณาจักรสวรรค์ที่ประกอบไปด้วยพระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระมารดา และบุตรของพระเจ้า เช่นเดียวกับในโลกนี้มีครอบครัวแห่งความรัก ในอาณาจักรสวรรค์ก็มีครอบครัวฝ่ายจิตวิญญาณแห่งความรักนิรันดร์ คริสตจักรของพระเจ้าจึงถือว่าครอบครัวมีคุณค่ามาก และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคนทั่วโลกจะได้กลายเป็นครอบครัวแห่งสวรรค์ด้วยกัน

ขอให้ทุกคนมาสู่พระเจ้าพระมารดาและได้รับการเล้าโลมที่อบอุ่นและการพักผ่อนในพระองค์

“เชิญ​มา​นี่​เถิด ข้าพเจ้า​จะ​ให้​ท่าน​ดู​เจ้าสาว​ที่​เป็น​มเหสี​ของ​พระ​เมษโปดก” … และ​ได้​สำแดง​ให้​ข้าพเจ้า​เห็น​นคร​บริสุทธิ์ คือ​เยรูซาเล็ม ซึ่ง​กำลัง​ลอย​ลง​มา​จาก​สวรรค์​และ​จาก​พระ​เจ้า

วว. 21:9

แต่​ว่า​เยรูซาเล็ม​ซึ่ง​อยู่​เบื้อง​บน​นั้น เป็น​ไท​เป็น​มารดา​ของ​เรา​ทั้ง​หลาย

กท. 4:26

อาณาจักรสวรรค์ บ้านเกิดที่นิรันดร์

บ้านเกิดของจิตวิญญาณ สถานที่ที่พระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระมารดา และครอบครัวแห่งสวรรค์อาศัยอยู่ด้วยกัน

ก่อนที่เราเกิดมาบนแผ่นดินโลกนี้ มนุษย์ทุกคนเคยเป็นทูตสวรรค์ในอาณาจักรสวรรค์ (โยบ 38:1-7, สภษ. 8:22-30) อาณาจักรสวรรค์ที่พระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระมารดา และพี่น้องชายสาวอาศัยอยู่ด้วยกัน พวกเราได้กระทำบาปจากที่นั่นและได้ถูกขับไล่ออกไปสู่แผ่นดินแห่งความทุกข์ เศร้าโศก และความเจ็บปวด

ถ้า​เขา​คิดถึง​บ้าน​เมือง​ที่​เขา​จาก​มา​นั้น เขา​ก็​คง​จะ​มี​โอกาส​กลับไป​ได้​ แต่​ความ​จริง​เขา​ปรารถนา​ที่​จะ​อยู่​ใน​เมือง​ที่​ประเสริฐ​กว่า​นั้น คือ​เมือง​สวรรค์

ฮบ. 11:15

พระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระมารดาทรงปรารถนาว่า มนุษย์ทั่วโลกเข้าใจในสัจธรรมของพระเจ้าและได้กลายเป็นสภาพของพระเจ้าด้วยการกลับใจใหม่ เพื่อกลับไปสู่อาณาจักรสวรรค์ที่สวยงาม พระเจ้าทรงเตรียมอาณาจักรสวรรค์ที่นิรันดร์ไว้ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีแม่น้ำ​​แห่ง​ชีวิตใส​เหมือน​แก้ว​ไหลไป มีต้นไม้แห่งชีวิตออกผลสิบสองชนิด และมีความสุขชั่วนิรันดร์

ดังที่​มี​เขียน​ไว้​ใน​พระ​คัมภีร์​ว่า สิ่ง​ที่​ตา​ไม่​เห็น​หู​ไม่ได้​ยิน และ​สิ่ง​ที่​มนุษย์​คิด​ไม่​ถึง คือ​สิ่ง​ที่​พระ​เจ้า​ได้​ทรง​จัดเตรียม​ไว้​สำหรับ​คน​ที่​รัก​พระ​องค์

1 คร. 2:9

คริสตจักรของพระเจ้าประกาศข่าวดีแห่งความรอดไปสู่ทุกมุมโลก ด้วยหวังว่าทุกๆคนที่อาศัยอยู่ทั่วโลกเข้าใจความรักของพระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระมารดา และกลายเป็นครอบครัวแห่งสวรรค์ ทุกคนจึงได้รับพระพรที่มีเกียรติในสวรรค์ชั่วนิจนิรันดร์

NEXT

องค์กรของคริสตจักร

ศูนย์กลางแห่งข่าวประเสริฐของการช่วยให้ 7 พันล้านคนทั่วโลกได้รับความรอดสมัชชาใหญ่คริสตจักรของพระเจ้า